Drupal คืออะไร

Drupal คืออะไร
Drupal เป็นสุดยอด แพลทฟอร์ม ของ Content Management System (CMS) ในโลกใบนี้ มีความยืดหยุ่น สามารถสร้าง Content ที่มีความซับซ้อน สามารถเพิ่ม Scale ได้ง่ายไปจนกระทั่งเป็นเว็บไซต์ระดับ Enterprise สามารถสร้างเว็บไซต์หลายภาษา และยังรองรับกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้หลากหลาย ทั้ง PC, Mobile, Tablet
ข้อดีของการใช้ Content Management System (CMS)
ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ช่วยในการเขียนแลพัฒนาเว็บไซต์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Dreamweaver หรือ Visual Studio ที่จะช่วยในการออกแบบและพัฒนากัน แต่การพัฒนาด้วย Dreamweaver ก็มีข้อจำกัด เช่น หากต้องการจะเปลี่ยนบางเนื้อหา เช่น Header หรือ Footer การแก้ไข และการเผยแพร่ อาจจะทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ Content Management System (CMS) จะช่วยในส่วนนี้ เพราะจะมีเครื่องมือ และโครงสร้างของการพัฒนาที่จะช่วยให้การออกแบบและพัฒนาสามารถทำได้อย่างง่ายขึ้น สะดวกสบายยิ่งขึ้นโดยหน้าที่หลักๆ ของ CMS คือ การสร้างและบริหารจัดการเนื้อหา หน้าตาของเว็บไซต์ โครงสร้างของเว็บไซต์ จัดการด้านความปลอดภัย ผู้ใช้งาน เป็นต้น ซึ่ง CMS ที่เราอาจจะเคยได้ยินกัน ได้แก่
- WordPress มีจุดเด่นด้านการใช้งานง่าย เว็บไซต์ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มีกระบวนการเรียนรู้ไม่มาก เหมาะกับการทำ Blog หรือเว็บไซต์ที่โครงสร้างไม่ซับซ้อน ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ใช้ WordPress : WaltDesney, Bata เป็นต้น ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.wordpress.com
- Joomla มีจุดเด่นในการเรียนรู้น้อยกว่า Drupal สร้างเว็บไซต์ที่ซับซ้อนมากกว่า WordPress มี Community ที่เข้มแข็ง ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ใช้ Joomla : eBay, Barnes and Noble เป็นต้น ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.joomla.org
ประโยชน์ของ Drupal
Drupal ช่วยทำให้การพัฒนาเว็บไซต์ทำได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และยังดูแลเว็บไซต์ได้อย่างง่ายได้อีกด้วยด้านเนื้อหา
-
ออกแบบโครงสร้างเนื้อหาได้ตามความต้องการ ซึ่ง Drupal จะเรียกในส่วนนี้ว่า Content Type
-
สร้างเนื้อหา แก้ไข ลบ เผยแพร่ ได้อย่างง่ายได้
ด้านการดูแลเว็บไซต์
- สามารถบริหารจัดการผู้ใช้งานได้ (User Management System) สามารถสร้างบุคลกร พร้อมกำหนดค่าการเข้าถึงส่วนต่างๆ ได้ (Permission)
- การสามารถเปิด หรือ ปิด เพื่อ Maintenance เว็บไซต์ได้ ทำให้เราไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้มาก
- มีเครื่องมือในการแบ็คอัพและกู้คืนเว็บไซต์แบบอัตโนมัติ (Backup and Restore)
ด้านความคุ้มค่า
- เป็น Open Source ทำให้ต้นทุนในการพัฒนาลดลง เป็นการลงทุนทางด้านการ Implementation
- ใช้ Learning Curve ในการศึกษาและพัฒนา ไม่มาก เมื่อเทียบกับการต้องมาเรียนรู้ภาษา HTML, PHP, SQL ทำให้สามารถทำงานได้เร็ว และหาคนมาดูแลเว็บไซต์ได้ไม่ยาก
- หากมีช่องโหว่ก็จะมีทีมที่จะช่วยกันป้องกัน ทำให้เราสามารถป้องกันและทำให้เว็บไซต์เราได้พัฒนาความสามารถใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา
Technologies บน Drupal
ความสามารถในการรองรับงานที่ใหญ่ได้ (Highly Scalable)
รองรับการขนายขนาดของเว็บไซต์เพื่อรองรับการเติบโตของเว็บไซต์และเนื้อหาได้อย่างไร้ขีดจำกัด เราสามารถสร้างผู้สร้างเนื้อหา (Contributor) ได้อย่างไม่จำกัด อย่างเว็บไซต์ Weather.com หรือ อย่าง Grammy.com ก็เป็น Drupal เช่นกัน

การเข้าถึง ใช้งานได้อีกด้วย
Mobile-First
รองรับการออกแบบเพื่อรองรับกับอุปกรณ์ต่างๆ (Responsive Design) เพื่อให้ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจสูงสุด ตามประสบการณ์การใช้งาน ตามแนวทางของ Universal Designความมีมาตรฐาน (Standards)
เว็บไซต์จะต้องมีมาตรฐานที่ดี Drupal รองรับกับมาตรฐานมากมายทั้งในเรื่องของเนื้อหา ก็จะมีมาตรฐานอย่าง WCAG 2.0 (Web Content Accessibility Guidelines) มาตรฐาน HTML, CSS และ มาตรฐานด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราได้มาตรฐานได้ เพื่อช่วยสร้างสังคมที่ดีในโลกไซเบอร์

ระบบการรักษาความปลอดภัย (Security)
ระบบถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยจากการโจมตี รหัสผ่านถูกเข้ารหัส ความยาวขั้นต่ำ กำหนดความซับซ้อน และวันหมดอายุได้ พร้อมทั้งมีโมดูลด้านความปลอดภัย(Security) มากมาย รองรับ SSL และยังมี Single Sign On (SSO) ที่รองรับได้แก่ LDAP, Shibboleth, OpenID และ SAML.มีระบบรองรับการป้องกัน Brute Force Detection โดยระบุจำนวนครั้งที่ Login ไม่สำเร็จ หรือการจำกัด IP Address ที่โจมที่ทั้งเป็นแบบเฉพาะเจาะจง หรือเป็นช่วง IP Address ก็สามารถระบุได้
Drupal มีคุณสมบัติตามที่ OWASP (Open Web Application Security Project) Top 10 Risk ระบุ



มีเครื่องมือจัดการเนื้อหาที่ใช้งานง่าย (Ease of Use of Authoring)
มีเครื่องมือในการจัดการเนื้อหาช่วยสำหรับการสร้าง แก้ไข เนื้อหาอย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับ HTML มาก่อน โดยมี WYSIWYG editor อย่างเช่น CKEditor ที่จะช่วยให้คุณเห็นเนื้อหาก่อนการเผยแพร่ โดยแยกตามแต่ละ Device
Drupal มีการเก็บ Revision หรือว่าเนื้อหาในอดีต ได้ด้วย เผื่อว่าเราต้องการจะย้อนไปยังเนื้อหาที่ต้องการก็สามารถทำได้

สถาปัตยกรรมยืดหยุ่นสูง
สถาปัตยกรรมในการออกแบบมีความยืดหยุ่น รองรับกับการปรับเปลี่ยน ปรับปรุง เพิ่มเติม ในอนาคต โดยการดูแลจะไม่ต้องมีต้นทุนที่สูงมากรองรับกับหลายไซต์ (Multisite)
รองรับการการทำเว็บไซต์ในลักษณะ Multi Site ที่จะสร้างเว็บไซต์ลูก ออกมาได้ โดยยังมีเครื่องมือบริหารจัดการรวมได้อีกด้วย ทำให้การสร้างเว็บของหน่วยงานลูก เว็บสาชา เว็บแผนก ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานหลักทำได้ไม่ยากเป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัด
Drupal ไม่ได้บังคับอะไรในทางธุรกิจเลย มันสามารถสร้างอะไรเพื่อธุรกิจของคุณได้อย่างไร้ขีดจำกัด Drupal เป็นเสมือนเครื่องมือที่คุณจะนำไปใช้งานตามที่คุณต้องการ ปรับแต่งได้ด้วยตัวเองมาพร้อมกับโครงสร้างที่ Enterprise และ Open Source
เทคโนโลยีที่ใช้สำหรับ Drupal จะเป็นบน LAMP ซึ่งก็คือ Linux, Apache, MySQL และ PHP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เป็น Open Source และมีการพัฒนาอยากมาก มีความยืดหยุ่น และ Enterprise ด้วย แต่หากจะใช้เทคโนโลยีอื่น อย่างเป็น Windows หรือ IIS หรือ ใช้ฐานข้อมูลอย่าง SQL Server ก็สามารถทำได้เช่นกัน
รองรับงานหลายภาษา (Multilingual)
รองรับการทำงานหลากหลายภาษา ทั้งในตัวของ Drupal เองก็รองรับกับภาษาทั้งหมด 94 ภาษาด้วยกันสำหรับ Drupal 8 ที่ไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่มเติม เราสามารถทำให้เนื้อหาของเว็บไซต์เรา แสดงผลตามผู้ใช้ที่ต้องการได้ เช่น ผู้ใช้งานที่ใช้ภาษาไทย ก็จะแสดงผลเป็นภาษาไทย หรือ หากจะเลือกเป็นภาษาอังกฤษ ก็จะแสดงได้ตามที่ต้องการ และยังกำหนดการแสดงผลให้เหมือน หรือ แตกต่างก็สามารถทำได้ และยังรองรับกับการค้นหาตาม Drupal's Search API
ส่วนประกอบที่สำคัญของ Drupal
Structure
เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากๆ เป็นเสมือนรากฐานที่สำคัญของเว็บไซต์ ซึ่งนักพัฒนาเว็บไซต์จะต้องออกแบบตามความต้องการการใช้งานของเว็บไซต์ ว่าจะประกอบไปด้วยโครงสร้างใดบ้าง โดยมีโครงสร้างที่สำคัญดังนี้- Taxonomy ใช้สำหรับจัดกลุ่มของเนื้อหา
- Content Type ใช้สำหรับสร้างประเภทเนื้อหาที่จะจัดเก็บ
- Menu คือ เมนู ใช้สำหรับรวบรวมลิงค์ (Links) ต่างๆ ที่จะใช้เชื่อมโยงไปยังส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์
Content
คือ เนื้อหาที่เกิดจากการ Add Content เข้ามาจาก Content Type ที่ระบุ โดย Drupal มีระบบในการจัดเการเนื้อหา และ สามารถกรองข้อมูลที่ต้องการได้Theme
คือส่วนของหน้าตา สีสันของเว็บไซต์ จะประกอบไปด้วยการตกแต่ง ทั้งในเรื่องของ ฟอนต์ สี ระยะห่าง พื้นหลัง ระยะขอบ เป็นต้น โดยเราสามารถดาวน์โหลด Theme มาติดตั้ง หรือ พัฒนาเองก็สามารถทำได้Module
โมดูลคือ ส่วนเสริม หรือบาง CMS ก็เรียกว่า AddIns หรือ Extension แต่ Drupal เรียกว่า โมดูล (Module) โดยเราสามารถติดตั้ง โมดูล เพื่อให้ Drupal มีความเก่งกาจขึ้น ได้User Management
Drupal เป็น CMS ที่เราสามารถรองรับการการใช้งานของผู้ใช้ได้ไม่จำกัด พร้อมสามารถกำหนดสิทธิ์ในการใช้งาน การเข้าถึงส่วนประกอบต่างๆ ได้Configuration
Configuration เป็นส่วนของการปรับแต่งส่วนประกอบภายในเว็บไซต์ ทั้งการเปิด/ปิด เว็บไซต์ การแก้ไขข้อมูลพื้นฐานของเว็บไซต์ Drupal มีความสามารถในการปรับแต่ง Performance ที่จะทำให้การโหลดเว็บไซต์เร็วขึ้น การตั้งค่าของ Editor การกำหนดค่าด้าน SEO เป็นต้นใครอยากดูเนื้อหาเกี่ยวกับส่วนประกอบของ Drupal เต็มๆ ดูกันได้ที่ https://www.9experttraining.com/articles/ส่วนประกอบที่สำคัญของ-drupal
ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ปัจจุบัน ใช้ Drupal
มีหลายหน่วยงานเลือกที่จะใช้ Drupal ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ใช้ Drupal ได้แก่- White House (https://www.whitehouse.gov/)
- Virgin (https://virgin.com/)
- Tesla Motors
- Pfizer
- The Economist (https://www.economist.com/)
- World Bank (https://www.worldbank.org/)
- Warner Music Group (https://www.wmg.com/)
- Harvard University
- Government of Australia
- Time Inc.
- MIT Computer Science and Artificial Intelligence Laboratory (https://www.csail.mit.edu/)
ตัวอย่างเว็บไซต์ในประเทศไทยที่พัฒนาด้วย Drupal มีมากมายยกตัวอย่างเช่น
- กระทรวงแรงงาน (https://www.mol.go.th/anonymouse/home)
- เว็บไซต์ ขสมก. (www.bmta.co.th)
- เว็บไซต์ สตง. (www.oag.go.th/home)
- เว็บไซต์ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (https://nep.go.th/home)
- สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (https://www.efai.or.th/)
- สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (https://www.gistda.or.th/)
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (https://www.eng.chula.ac.th/)
- สภาการพยาบาล (https://www.tnc.or.th)
- ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ (https://www.thailandsgottalent.tv/home)
- มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (https://www.blind.or.th/)
- ศูนย์สื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ (https://www.braille-cet.in.th/)
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) (https://www.oic.or.th/th)
- 9Expert Training (https://www.9experttraining.com)
- Thaiwebaccessibility.com (https://www.thaiwebaccessibility.com)

เปรียบเทียบแต่ละ CMS
จากที่ได้ดูหลายๆ เว็บไซต์ได้ให้คะแนน CMS ก็จะมี CMS เด่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวที่ Market Share เยอะที่สุด คือ WordPress ก็จะมี Drupal และ Joomla ที่จะมีผลคะแนนที่อยู่ในระดับต้นๆ โดยขึ้นกับมิติ ที่ ทีมทดสอบให้คะแนนกัน โดยขอนำมาฝากจากเว็บไซต์ที่ชื่อ toptenreviews.com ซึ่งได้ให้คะแนน Drupal อยู่ที่ลำดับที่ 4 ติดใน Top 5 เช่นเดียวกับ ocPortal, WordPress, WebGUI และ Rubedo โดย Drupal ทำคะแนนได้ 9.20 โดยโดดเด่นในเรื่อง Ease of Use หรือการใช้งานง่าย สะดวก อ้างอิงจากhttps://cms-software-review.toptenreviews.com/

Download
Drupal เป็น Open Source ที่สามารถ Download ได้ฟรีที่ https://www.drupal.org/downloadReference
ขอขอบคุณรูปภาพและเนื้อหาจากเว็บไซต์ดังนี้- Drupal.com
- Drupal.org
- Toptenreviews.com
- rackspace.com
แนะนำสำหรับผู้ที่สนใจอบรม
9Expert Training มีหลักสูตรที่จะสอนการสร้างและพัฒนาเว็บไซต์ด้วย Drupal ในหลักสูตร "Web Site Development By Drupal"ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.9experttraining.com/web-site-development-by-drupal-training-course